ภัยจากโทรศัพท์
พอดีเห็นว่าเรื่องภัยจากโทรศัพท์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมและไม่มีสัญญาณว่าจะลดลงแต่อย่างใด จึงขอนำเสนอเพื่อให้ผู้อ่านได้ระมัดระวังตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
เรื่องนี้คนที่ได้รับผลกระทบเป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่ง มาปรึกษาเรื่องนี้กับทนายวิรัช
เรื่องมีอยู่ว่า มีคนร้ายโทรศัพท์เข้ามาที่บ้านของผู้อาวุโส และมีบทสนทนาดังนี้
คนร้าย: คุณมีหนี้ค่าโทรศัพท์จำนวน................. บาท
ผู้อาวุโส: ดิฉันไม่เคยเป็นหนี้ ค่าโทรศัพท์ก็หักเงินในบัญชีของฉัน
คนร้าย: เบอร์บัญชีธนาคารของคุณเบอร์อะไร มีเบอร์เอทีเอ็มหรือไม่ หรือใช้
อินเตอร์เน็ตในการโอนเงินหรือไม่ จะได้ทำการตรวจสอบ
ด้วยความที่ผู้อาวุโสเป็นคนดีและเปิดเผยไม่เคยติดหนี้ใคร จึงยอมบอกเลขบัญชี แต่เป็นโชคดีของผู้อาวุโส คือ ผู้อาวุโสไม่ใช้บัตรเอทีเอ็ม หรือ อินเตอร์เน็ตก็ไม่ได้ใช้
คนร้ายเห็นเรื่องนี้จะไม่สามารถหลอกผู้อาวุโสได้ จึงเปลี่ยนเรื่องใหม่
คนร้าย: เดี๋ยวจะโอนสายไปให้คุณคุยกับตำรวจ ชื่อ ร.ต.อ...............
ร.ต.อ.: คุณมีส่วนเกี่ยวพันกับการซื้อขายยาเสพติด จะให้คนที่ถูกจับมาชี้ตัว
ให้มาพบผมที่ สน................
ผู้อาวุโส: ดิฉันไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่จะให้ดิฉันไปพบที่ สน. ตอนนี้
คงไม่สะดวกไป ดิฉันขอคุยกับทนายความก่อน
ร.ต.อ.: ต้องเอาทนายความเก่งๆ มานะ และมาพบผมพรุ่งนี้ที่ศาล......... แล้ววาง
โทรศัพท์ไป
ผู้อาวุโสไม่แน่ใจในเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นเพื่อนบ้านของทนายวิรัช จึงมาขอคำปรึกษาแล้วถามว่า พรุ่งนี้ต้องไปศาลตามที่ ร.ต.อ. นัดหมายหรือไม่ ทนายวิรัช ฟังจากเรื่องที่เล่าทั้งหมดแล้วก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นความจริง พรุ่งนี้ก็คงไม่ต้องไป โชคดีของผู้อาวุโสที่ไม่มีเอทีเอ็มไปกดโอนเงิน ไม่งั้นคงต้องเสียเงินจำนวนมหาศาลแน่นอน
ทนายวิรัช เห็นว่ากรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับคุณผู้อ่าน คงต้องตั้งสติก่อนและไม่ยอมบอกเบอร์บัญชี หรือ รหัสบัตรเอทีเอ็ม หรือ หมายเลขบัตรเครดิต ให้กับผู้อื่นทางโทรศัพท์ และกรณีสงสัยก็สามารถตรวจสอบกับแหล่งที่คนร้ายอ้างว่า เราเป็นหนี้ ก็จะได้รับความจริงชัดเจนยิ่งขึ้น ทนายวิรัช หวังว่าผู้อ่านคงได้ความรู้และจัดการกับมิจฉาชีพนี้ได้
ทนายวิรัช ต้องขอขอบคุณผู้อาวุโสที่กรุณาเล่าเรื่องราวทั้งหมดเพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับบุคคลทั่วไป โดยจิตวิญญาณของผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวก็อยากที่จะแบ่งปันประสบการณ์ที่มีประโยชน์กับลูกหลานสืบต่อไป