บทความ: กฎหมายผู้บริโภคไทย: สิทธิที่คนไทยต้องรู้ก่อนถูกเอาเปรียบ

บทนำ

ในยุคที่การซื้อขายออนไลน์เกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง และผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้เพียงปลายนิ้ว สิ่งที่ตามมาคือ “ความเสี่ยง” ที่จะถูกหลอก ถูกเอาเปรียบ หรือได้รับสินค้าที่ไม่ตรงปก ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความไม่รอบคอบของผู้ซื้อเท่านั้น แต่บางครั้งเกิดจากการกระทำที่ไม่เป็นธรรมของผู้ประกอบธุรกิจ

กฎหมายผู้บริโภค จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ประชาชนมี “เกราะคุ้มกัน” และสามารถเรียกร้องสิทธิของตนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

บทความนี้จะพาคุณเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานของกฎหมายผู้บริโภค หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สิทธิของผู้บริโภค ไปจนถึงวิธีร้องเรียนเมื่อถูกละเมิดสิทธิ พร้อมแนวทางทางกฎหมายที่ควรรู้


1. ความหมายของ “ผู้บริโภค” ตามกฎหมาย

คำว่า “ผู้บริโภค” ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 หมายถึง

“บุคคลที่ซื้อหรือได้รับสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ ไม่ว่าจะซื้อด้วยตนเองหรือผ่านบุคคลอื่น และไม่ได้นำสินค้าไปเพื่อประกอบธุรกิจต่อ”

กล่าวง่าย ๆ คือ ผู้บริโภคคือ “คนที่ซื้อมาใช้เอง” ไม่ใช่ซื้อมาเพื่อขายต่อ เช่น

  • ซื้อโทรศัพท์มาใช้ส่วนตัว → เป็นผู้บริโภค
  • ซื้อโทรศัพท์มาขายต่อในร้าน → ไม่ถือเป็นผู้บริโภค

2. เจตนารมณ์ของกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค

กฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ

  • ป้องกันการถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ
  • ควบคุมโฆษณาให้เป็นธรรม ไม่หลอกลวง
  • กำหนดมาตรฐานการซื้อขายสินค้าและบริการ
  • เปิดช่องให้ผู้บริโภคร้องเรียนหรือฟ้องร้องได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนซับซ้อน

นอกจากนี้ ยังเป็นกฎหมายที่ส่งเสริมให้ “ผู้บริโภคมีส่วนร่วม” ในการปกป้องสิทธิของตนเอง เช่น การรวมตัวเป็นสมาคมผู้บริโภค หรือเข้าร่วมกับมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค


3. สิทธิพื้นฐานของผู้บริโภค 5 ประการ

องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดไว้ว่า ผู้บริโภคทั่วโลกควรมี “สิทธิพื้นฐาน” 5 ประการ ซึ่งประเทศไทยก็นำมาปรับใช้ ได้แก่

✅ 1. สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัย

สินค้าหรือบริการต้องไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าต้องผ่านมาตรฐาน มอก.

✅ 2. สิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่เป็นจริง

ผู้ประกอบการต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่หลอกลวง เช่น โฆษณาต้องตรงกับความจริง

✅ 3. สิทธิที่จะเลือกสินค้าและบริการด้วยความเป็นธรรม

ผู้บริโภคมีสิทธิเลือกซื้อจากที่ใดก็ได้ โดยไม่ถูกบังคับหรือจำกัดสิทธิ

✅ 4. สิทธิที่จะได้รับการชดเชยเมื่อถูกละเมิด

หากสินค้ามีปัญหา หรือบริการไม่ได้มาตรฐาน ผู้บริโภคสามารถขอคืนเงินหรือฟ้องเรียกค่าเสียหายได้

✅ 5. สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม

ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


4. หน่วยงานที่ดูแลด้านผู้บริโภคในประเทศไทย

เมื่อเกิดปัญหาในการซื้อขายสินค้าและบริการ ผู้บริโภคสามารถติดต่อหน่วยงานต่อไปนี้ได้

หน่วยงานหน้าที่หลักช่องทางติดต่อ
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)รับเรื่องร้องเรียน โฆษณาเกินจริง สัญญาไม่เป็นธรรมโทร 1166
สำนักงานมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม (สมอ.)ตรวจสอบมาตรฐาน มอก. ของสินค้าโทร 02-430-6834
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ควบคุมอาหาร ยา เครื่องสำอางโทร 1556
กรมการค้าภายในดูแลราคาสินค้าและบริการที่เป็นธรรมโทร 1569

5. ตัวอย่างสถานการณ์จริงที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิผู้บริโภค

🧠 ตัวอย่างที่ 1: ซื้อสินค้าออนไลน์แล้วไม่ได้ของ

กรณีนี้ถือเป็น “การขายโดยหลอกลวง” ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนต่อ สคบ. หรือแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงได้

🧠 ตัวอย่างที่ 2: โฆษณาเกินจริง

เช่น เครื่องสำอางที่กล่าวอ้างว่า “ขาวใน 3 วัน” แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ถือเป็นการโฆษณาอันเป็นเท็จ

🧠 ตัวอย่างที่ 3: สัญญาไม่เป็นธรรม

เช่น บริษัทโทรศัพท์มือถือกำหนดสัญญาว่า “หากยกเลิกก่อนครบสัญญา ต้องเสียค่าปรับเท่ากับยอดรวมทั้งปี” ถือเป็นสัญญาที่เอาเปรียบผู้บริโภค


6. วิธีร้องเรียนเมื่อถูกละเมิดสิทธิ

การร้องเรียนสามารถทำได้หลายช่องทาง

📝 1. ยื่นเรื่องที่สำนักงาน สคบ.

สามารถยื่นด้วยตนเอง หรือส่งเอกสารทางไปรษณีย์ โดยแนบหลักฐาน เช่น

  • ใบเสร็จรับเงิน
  • สัญญาซื้อขาย
  • ภาพถ่ายหรือแชตที่สื่อสารกับผู้ขาย

💻 2. ยื่นเรื่องออนไลน์

เข้าเว็บไซต์ www.ocpb.go.th → เมนู “ร้องเรียนออนไลน์”

📞 3. โทรแจ้งสายด่วน 1166

เจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำและส่งเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


7. บทลงโทษตามกฎหมาย

กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคกำหนดโทษไว้ค่อนข้างชัดเจน เช่น

  • โฆษณาเกินจริง → จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท
  • ขายสินค้าไม่มีคุณภาพหรือไม่ปลอดภัย → จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท
  • ทำสัญญาเอาเปรียบผู้บริโภค → อาจถูกเพิกถอนสัญญา และต้องคืนเงินทั้งหมด

8. กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค

นอกจาก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ยังมีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น

กฎหมายเนื้อหาสำคัญ
พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545ควบคุมธุรกิจขายตรงและออนไลน์
พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522ควบคุมคุณภาพอาหาร
พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)ปกป้องข้อมูลของผู้บริโภคไม่ให้ถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (หมวดสัญญา)ใช้ในกรณีมีข้อพิพาททางสัญญาซื้อขาย

9. เคล็ดลับป้องกันการถูกเอาเปรียบ

  1. ตรวจสอบร้านค้า/เพจ ก่อนซื้อทุกครั้ง
  2. อย่าเชื่อโฆษณาที่ “ดีเกินจริง”
  3. เก็บหลักฐานการซื้อขายทุกครั้ง
  4. ตรวจสอบใบรับประกันสินค้า
  5. อ่านเงื่อนไขสัญญาก่อนเซ็นชื่อ

10. สิ่งที่ผู้บริโภคควรทำเมื่อเจอปัญหา

  • อย่าปล่อยผ่าน เพราะการไม่ร้องเรียนคือการเปิดทางให้ผู้ประกอบการทำผิดซ้ำ
  • รวมหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อให้การดำเนินคดีง่ายขึ้น
  • ขอคำปรึกษาทางกฎหมาย จากทนายหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน

11. กรณีศึกษาในคดีผู้บริโภค

📌 คดีโฆษณาอาหารเสริมเกินจริง

ศาลมีคำพิพากษาให้บริษัทผู้ผลิตชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้บริโภค เนื่องจากโฆษณาอ้างสรรพคุณเกินจริงว่า “รักษาโรคได้”

📌 คดีรถยนต์มีปัญหาแต่ไม่รับผิดชอบ

ผู้บริโภคฟ้องศาลผู้บริโภค และศาลสั่งให้บริษัทเปลี่ยนรถใหม่ พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย


12. กระบวนการฟ้องคดีผู้บริโภค

คดีผู้บริโภคเป็น “คดีพิเศษ” ที่มีกระบวนการรวดเร็วกว่า โดยผู้เสียหายสามารถ

  1. ยื่นฟ้องได้ที่ศาลจังหวัดหรือศาลแขวง
  2. ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในบางกรณี
  3. ศาลสามารถเรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยก่อนตัดสิน

13. ทำไมเจ้าของธุรกิจควรเข้าใจกฎหมายผู้บริโภคด้วย

กฎหมายนี้ไม่ได้มีไว้ “ปราบผู้ประกอบการ” แต่เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างโปร่งใส ยั่งยืน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า หากธุรกิจใดเคารพสิทธิผู้บริโภค ก็จะได้รับความไว้วางใจในระยะยาว


14. สรุป: “รู้สิทธิไว้ ป้องกันการถูกเอาเปรียบ”

ในโลกที่ข้อมูลล้นมือและการตลาดเข้าถึงทุกช่องทาง การรู้สิทธิของตนเองตาม กฎหมายผู้บริโภค จึงไม่ใช่เรื่องเลือก แต่เป็น “เรื่องจำเป็น”

หากคุณกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับสินค้า บริการ สัญญา หรือถูกหลอกลวงในการซื้อขาย อย่าปล่อยผ่าน — เพราะทุกสิทธิคือสิ่งที่กฎหมายให้การคุ้มครอง


📞 ต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม?

สามารถติดต่อ ทนายวิรัช
📱 สายด่วนโทร: 081-258-5681
💬 Line: @732hjgrx

เพื่อรับคำแนะนำทางกฎหมายที่ถูกต้อง เข้าใจง่าย และเหมาะกับสถานการณ์ของคุณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *