รู้ทันกฎหมายแรงงาน: สิทธิ แรงงาน นายจ้าง และวิธีป้องกันปัญหาในที่ทำงาน

บทนำ

ในยุคที่แรงงานมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การเข้าใจ กฎหมายแรงงาน ไม่ใช่แค่หน้าที่ของนายจ้างหรือลูกจ้างเท่านั้น แต่ยังเป็น “เครื่องมือป้องกันความขัดแย้ง” ที่จะทำให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลและการจ้างงานที่มีความยืดหยุ่นสูง


1. กฎหมายแรงงานคืออะไร?

กฎหมายแรงงาน คือ กฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมและคุ้มครองสิทธิของทั้งสองฝ่าย ตัวอย่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น:

  • พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
  • พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
  • พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537
  • พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533

2. สิทธิของลูกจ้างตามกฎหมายแรงงาน

ลูกจ้างมีสิทธิที่พึงได้รับตามกฎหมายโดยไม่จำเป็นต้องระบุในสัญญาจ้าง ได้แก่:

สิทธิของลูกจ้างรายละเอียด
วันหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่า 13 วัน/ปี รวมวันขึ้นปีใหม่
วันลาพักร้อนไม่น้อยกว่า 6 วัน/ปี เมื่อทำงานครบ 1 ปี
ชั่วโมงทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมง/วัน หรือ 48 ชั่วโมง/สัปดาห์
ค่าล่วงเวลา (OT)ต้องได้รับเมื่อทำงานเกินเวลาหรือในวันหยุด
ค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้างขึ้นกับระยะเวลาการทำงาน
การห้ามเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมเช่น เลิกจ้างเพราะเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน

3. หน้าที่ของนายจ้าง

นอกจากสิทธิของลูกจ้างแล้ว นายจ้างเองก็มีภาระผูกพันตามกฎหมายเช่นกัน ได้แก่:

  • จัดทำสัญญาจ้างหรือหนังสือจ้างงานอย่างชัดเจน
  • จ่ายค่าจ้างตรงตามเวลาที่ตกลง
  • ส่งเงินสมทบประกันสังคม
  • จัดให้มีความปลอดภัยในการทำงาน
  • จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ถ้ามี)

4. สัญญาจ้างแรงงาน: เรื่องเล็กที่ไม่ควรมองข้าม

การทำสัญญาจ้างงานเป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดีแรงงาน ควรมีข้อมูลอย่างน้อยดังนี้:

  • วันเริ่มงาน
  • ตำแหน่ง และหน้าที่ความรับผิดชอบ
  • เงินเดือน และวันจ่ายเงินเดือน
  • เวลาทำงาน และวันหยุด
  • เงื่อนไขการเลิกจ้าง

กรณีไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ศาลแรงงานจะพิจารณาจากหลักฐานอื่น เช่น ข้อความในแชต ใบลงเวลาทำงาน หรือใบจ่ายเงินเดือน


5. การเลิกจ้าง: เมื่อเกิดปัญหาควรทำอย่างไร?

หากนายจ้างต้องการเลิกจ้างลูกจ้างโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง หรือจ่ายค่าชดเชยแทนการแจ้งล่วงหน้า พร้อมทั้งต้องจ่าย:

  • ค่าชดเชยตามระยะเวลาทำงาน
  • ค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า (ถ้ามี)
  • ค่าจ้างวันสุดท้ายที่ทำงาน
  • ค่าลาพักร้อนที่ยังไม่ได้ใช้

ตัวอย่างการคำนวณค่าชดเชย:
หากทำงานมา 3 ปี ค่าชดเชย = 90 วัน ของค่าจ้างสุดท้าย


6. ข้อพิพาทแรงงาน: ยื่นฟ้องที่ไหน? ขั้นตอนเป็นอย่างไร?

หากเกิดข้อพิพาทที่ตกลงกันไม่ได้ เช่น การเลิกจ้างโดยมิชอบ การไม่จ่ายค่าจ้าง หรือ OT ให้ลูกจ้างยื่นคำร้องต่อ:

  • สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
    เพื่อไกล่เกลี่ย และสอบสวนเบื้องต้น
  • ศาลแรงงานกลาง/ภูมิภาค
    หากตกลงกันไม่ได้ หรือกรณีต้องการเรียกร้องทางแพ่ง เช่น ค่าชดเชยเพิ่มเติม

ระยะเวลาในการดำเนินคดี: โดยทั่วไปไม่เกิน 6 เดือน – 1 ปี


7. ประกันสังคม: คุ้มครองอะไรบ้าง?

ลูกจ้างที่จ่ายเงินสมทบประกันสังคมมีสิทธิได้รับสวัสดิการดังนี้:

ประเภทความคุ้มครองรายละเอียด
ค่ารักษาพยาบาลใช้สิทธิกับสถานพยาบาลที่เลือกไว้
การเจ็บป่วย/ทุพพลภาพได้รับเงินทดแทนรายได้
การคลอดบุตรค่าคลอดบุตร และค่าชดเชยช่วงลาคลอด
การว่างงานเงินทดแทนกรณีถูกเลิกจ้างหรือลาออก
บำเหน็จชราภาพเมื่อเกษียณหรือลาออกจากระบบประกันสังคม

8. แนวทางป้องกันปัญหาแรงงานในองค์กร

การจัดการแรงงานที่ดีควรมีทั้ง ระบบที่โปร่งใส และ การสื่อสารที่ชัดเจน เช่น:

  • ทำ Employee Handbook ระบุสิทธิ หน้าที่ และระเบียบปฏิบัติ
  • มีระบบลงเวลาและบันทึกการทำงานที่ตรวจสอบได้
  • จัดอบรมเรื่องสิทธิแรงงานให้พนักงานใหม่
  • ใช้ระบบ HRM หรือ Software เพื่อจัดการเอกสารแรงงานอย่างเป็นระบบ

9. เคสตัวอย่าง: ลูกจ้างชนะคดีเลิกจ้างไม่เป็นธรรม

ในคดีหนึ่ง ศาลแรงงานมีคำพิพากษาให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างจำนวนกว่า 300,000 บาท เพราะเลิกจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้าและไม่มีเหตุอันสมควร ทั้งที่ลูกจ้างทำงานมานานกว่า 10 ปีและไม่เคยมีประวัติเสีย

สิ่งที่ทำให้ลูกจ้างชนะคดีคือ:

  • มีสลิปเงินเดือนเป็นหลักฐาน
  • มีข้อความแชตการเลิกจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
  • มีพยานบุคคลในที่ทำงานยืนยันพฤติกรรม

10. เมื่อคุณมีปัญหาแรงงาน อย่ารอช้า!

หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นธรรม เช่น:

  • ถูกเลิกจ้างแบบไม่มีเหตุผล
  • ไม่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำ
  • ทำ OT แต่ไม่ได้ค่าล่วงเวลา

สามารถติดต่อทนายวิรัชได้ที่
📞 สายด่วน: 081-258-5681
📲 Line: @732hjgrx

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาเรื่องแรงงานทั้งลูกจ้างและนายจ้าง ช่วยตรวจสอบเอกสาร สัญญา และเจรจาไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องศาล


สรุป

กฎหมายแรงงานมีบทบาทสำคัญในการสร้างสมดุลในความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง การเข้าใจสิทธิ หน้าที่ และแนวทางการดำเนินคดีแรงงานสามารถช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ และหากเกิดปัญหาขึ้นจริง อย่าลังเลที่จะขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีความรู้ด้านกฎหมาย

“กฎหมายแรงงาน: สิ่งที่นายจ้างและลูกจ้างต้องรู้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต”

บทนำ: กฎหมายแรงงานคืออะไร? ทำไมจึงสำคัญ?

กฎหมายแรงงานไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นนายจ้างที่มีพนักงานเพียง 1 คน หรือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานหลายร้อยคน หรือแม้แต่เป็นลูกจ้างทั่วไป การเข้าใจกฎหมายแรงงานจะช่วยลดความขัดแย้ง และหลีกเลี่ยงคดีความที่ไม่จำเป็น


หมวด 1: ภาพรวมของกฎหมายแรงงานในประเทศไทย

  • พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เป็นกฎหมายหลักที่ใช้บังคับในประเด็นการจ้างงาน
  • สิทธิของลูกจ้าง เช่น ค่าจ้างขั้นต่ำ เวลาทำงาน วันหยุด การลาคลอด การลาเพื่อกิจธุระ
  • หน้าที่ของนายจ้าง เช่น การทำสัญญาจ้าง การคุ้มครองความปลอดภัยในการทำงาน การจ่ายค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้าง

หมวด 2: จุดสำคัญที่มักเป็นปัญหาในที่ทำงาน

ประเด็นตัวอย่างสถานการณ์แนวทางแก้ไข
ไม่ทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรนายจ้างจ้างพนักงานแบบปากเปล่าควรมีสัญญาจ้างระบุรายละเอียด
ไม่จ่ายโอทีให้พนักงานทำงานเกินเวลาโดยไม่มีค่าล่วงเวลาปรับระบบการลงเวลา และกำหนดกฎการจ่ายโอทีชัดเจน
เลิกจ้างไม่เป็นธรรมไล่พนักงานออกโดยไม่มีเหตุผลต้องมีหลักฐานการกระทำผิด และแจ้งล่วงหน้าตามกฎหมาย
ไม่จ่ายค่าชดเชยนายจ้างเลิกจ้างแต่ไม่ชดเชยตรวจสอบอายุงานและสิทธิตามกฎหมายแรงงาน

หมวด 3: สัญญาจ้างงาน – หัวใจของความเข้าใจตรงกัน

ข้อควรมีในสัญญาจ้าง:

  • รายละเอียดของตำแหน่งและหน้าที่
  • วันเริ่มงานและค่าจ้าง
  • เวลาทำงาน และวันหยุด
  • เงื่อนไขการลาออก/เลิกจ้าง

การไม่มีสัญญาที่ชัดเจน คือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งในหลายกรณี จึงควรมีการจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร และให้อีกฝ่ายลงชื่อรับรอง


หมวด 4: การคุ้มครองแรงงานหญิงและแรงงานเด็ก

แรงงานหญิง:

  • ห้ามให้ทำงานกลางคืน (เว้นบางกรณี)
  • มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตร 98 วัน โดยได้รับค่าจ้างบางส่วน

แรงงานเด็ก:

  • ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี
  • ห้ามใช้แรงงานเด็กในงานอันตราย

หมวด 5: การเลิกจ้างและค่าชดเชย – สิทธิที่ควรรู้

การเลิกจ้างต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น:

  • อายุงานของลูกจ้าง
  • สาเหตุในการเลิกจ้าง
  • การแจ้งล่วงหน้า

ค่าชดเชยตามอายุงาน:

อายุงานค่าชดเชยที่ได้รับ
<120 วันไม่มีสิทธิ
120 วัน – <1 ปี30 วัน
1 ปี – <3 ปี90 วัน
3 ปี – <6 ปี180 วัน
6 ปี – <10 ปี240 วัน
≥10 ปี300 วัน
≥20 ปี400 วัน

หมวด 6: การฟ้องร้องคดีแรงงาน

หากเกิดกรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม หรือไม่ได้รับค่าจ้าง ค่าชดเชย สามารถฟ้องศาลแรงงานได้ภายใน 2 ปีนับจากวันที่เกิดเหตุการณ์

สิ่งที่ควรเตรียมก่อนฟ้อง:

  • เอกสารการจ้าง
  • บันทึกเวลาทำงาน
  • พยานหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

หมวด 7: การป้องกันปัญหาแรงงานในองค์กร

  • สื่อสารนโยบายแรงงานอย่างชัดเจน
  • มีฝ่ายบุคคลที่รับผิดชอบโดยตรง
  • จัดทำคู่มือพนักงานและนโยบายภายใน
  • ปรึกษาทนายความก่อนออกสัญญาหรือดำเนินการสำคัญ

หมวด 8: ตัวอย่างสถานการณ์จริง

กรณีศึกษา 1: นายจ้างเลิกจ้างพนักงานทันทีหลังขอลาคลอด – ศาลแรงงานตัดสินว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม และสั่งให้ชดเชยเงิน 3 เดือน

กรณีศึกษา 2: ลูกจ้างถูกเรียกทำงานวันอาทิตย์ทุกสัปดาห์โดยไม่ได้รับวันหยุดชดเชย – ศาลตัดสินให้จ่ายเงินค่าล่วงเวลาพร้อมดอกเบี้ยย้อนหลัง 6 เดือน


หมวด 9: คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: ลูกจ้างทดลองงานมีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือไม่?
A: หากทำงานเกิน 120 วัน ก็มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามกฎหมาย

Q2: นายจ้างมีสิทธิหักเงินเดือนหรือไม่?
A: ทำได้ในบางกรณี เช่น ผิดสัญญาหรือทำให้บริษัทเสียหาย ต้องมีหลักฐานชัดเจน

Q3: ลูกจ้างที่ลาออกเองมีสิทธิอะไรบ้าง?
A: มีสิทธิได้รับค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาที่ทำค้างอยู่ แต่ไม่มีสิทธิค่าชดเชย


สรุป: ป้องกันดีกว่าแก้ ปรึกษาทนายก่อนเกิดปัญหาแรงงาน

ไม่ว่าคุณจะเป็นนายจ้างหรือพนักงาน การเข้าใจกฎหมายแรงงานเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น มีความยุติธรรม และลดโอกาสเกิดข้อพิพาทในอนาคต

หากคุณมีข้อสงสัย หรือกำลังเผชิญปัญหาแรงงานที่ต้องการคำปรึกษา…

สามารถติดต่อทนายวิรัชได้ที่
📞 สายด่วนโทร 0812585681
📱 หรือ Add LINE: @732hjgrx

รู้ทันกฎหมายแรงงานก่อนสายเกินไป: สิทธิพนักงาน-หน้าที่นายจ้างที่หลายคนยังเข้าใจผิด!

บทนำ: กฎหมายแรงงานสำคัญแค่ไหนในยุคนี้?

ในยุคที่แรงงานเป็นกลไกหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความเข้าใจผิดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับ กฎหมายแรงงาน อาจนำไปสู่ข้อพิพาทที่ยืดเยื้อ ไม่ว่าจะเป็นการเลิกจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า การจ่ายค่าล่วงเวลาไม่ถูกต้อง หรือแม้แต่การจัดเวลาพักอย่างไม่เป็นธรรม ทุกกรณีมีผลทางกฎหมายและอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างโดยตรง

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับหลักเกณฑ์และข้อบังคับสำคัญใน กฎหมายแรงงานไทย พร้อมแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง โดยแบ่งออกเป็นหัวข้อย่อยดังนี้:


1. นิยามและขอบเขตของกฎหมายแรงงาน

กฎหมายแรงงาน คือข้อกฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง “นายจ้าง” และ “ลูกจ้าง” รวมถึงการจัดการสิทธิ หน้าที่ การจ้างงาน การเลิกจ้าง การจ่ายค่าจ้าง และการคุ้มครองแรงงาน

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น

  • พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
  • พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537
  • พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533

ถือเป็นฐานกฎหมายหลักที่ใช้ในการพิจารณาข้อพิพาทแรงงานในประเทศไทย


2. สิทธิพื้นฐานของลูกจ้างที่ควรรู้

สิทธิรายละเอียด
ค่าจ้างขั้นต่ำนายจ้างต้องจ่ายไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดตามพื้นที่
ชั่วโมงการทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมง/วัน หรือ 48 ชั่วโมง/สัปดาห์
เวลาพักลูกจ้างมีสิทธิเข้าพักระหว่างวันอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
วันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 1 วัน
วันหยุดนักขัตฤกษ์ไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี
ลากิจ/ลาป่วย/ลาคลอดสิทธิตามกฎหมายพร้อมเงื่อนไขในการจ่ายค่าจ้าง

3. หน้าที่ของนายจ้างตามกฎหมายแรงงาน

นายจ้างมีหน้าที่หลายประการตามกฎหมาย เช่น

  • จ่ายค่าจ้างตรงเวลา
  • จัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ปลอดภัย
  • ไม่เลือกปฏิบัติหรือละเมิดสิทธิมนุษยชน
  • แจ้งการเลิกจ้างตามกำหนดเวลา
  • ไม่ละเมิดข้อห้ามในกรณีเลิกจ้าง เช่น การตั้งครรภ์ หรือการรวมตัวของลูกจ้างเพื่อเจรจา

4. ค่าล่วงเวลา (OT) และค่าทำงานในวันหยุด

  • OT วันธรรมดา: จ่าย 1.5 เท่าของอัตราค่าจ้าง
  • ทำงานวันหยุด: ถ้าไม่ใช่งานประจำ ต้องได้รับการยินยอมจากลูกจ้างและได้รับค่าจ้างอย่างน้อย 2 เท่า
  • ค่าทำงานเกินเวลาในวันหยุด: จ่าย 3 เท่า

5. การเลิกจ้างอย่างเป็นธรรม vs ไม่เป็นธรรม

การเลิกจ้างอาจถูกต้องตามกฎหมาย หรืออาจเข้าข่าย “เลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม” หากไม่มีสาเหตุอันสมควร หรือไม่ได้แจ้งล่วงหน้าตามที่กฎหมายกำหนด

เลิกจ้างที่ต้องระวัง:

  • ไม่แจ้งล่วงหน้า (หรือไม่จ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า)
  • ไม่มีหลักฐานการกระทำผิดร้ายแรง
  • เลิกจ้างลูกจ้างที่มีส่วนร่วมในการรวมตัวเพื่อเจรจา

ผลทางกฎหมาย:

  • ต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงาน
  • เสียชื่อเสียงองค์กร
  • เสี่ยงถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

6. การเขียนสัญญาจ้างที่รัดกุม ป้องกันปัญหา

สิ่งที่ควรมีในสัญญาจ้าง:

  • ตำแหน่งงานและหน้าที่
  • อัตราค่าจ้าง สวัสดิการ และโบนัส
  • เวลาทำงานและวันหยุด
  • เงื่อนไขการยกเลิกสัญญา
  • เงื่อนไขเกี่ยวกับความลับทางธุรกิจหรือทรัพย์สินทางปัญญา

การไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร อาจทำให้นายจ้างเสียเปรียบหากเกิดข้อพิพาท


7. แนวทางการแก้ไขข้อพิพาทแรงงาน

หากเกิดความขัดแย้งในที่ทำงาน การจัดการอย่างเป็นระบบสามารถลดปัญหาได้ เช่น

  • เริ่มต้นจากการเจรจาในองค์กร
  • ใช้ตัวกลาง (เช่น สำนักงานแรงงานจังหวัด)
  • ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ หรือศาลแรงงาน

8. เคสตัวอย่างที่ควรเรียนรู้

กรณีที่ 1: ลูกจ้างฟ้องศาลจากการเลิกจ้างโดยไม่มีสาเหตุ
บริษัทต้องชดเชยเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน รวมค่าชดเชยและดอกเบี้ย

กรณีที่ 2: นายจ้างจ่ายค่าล่วงเวลาไม่ครบ
กรมแรงงานเข้าตรวจสอบและสั่งให้จ่ายเงินย้อนหลัง พร้อมค่าปรับ


9. แนวทางสำหรับ HR และผู้ประกอบการ

กลยุทธ์แนวปฏิบัติ
ตรวจสอบสัญญาจ้างทุกปีปรับตามกฎหมายใหม่
อบรมเรื่องสิทธิแรงงานให้กับหัวหน้างานและ HR
ใช้ระบบบันทึกเวลาเพื่อพิสูจน์การทำงานและ OT
สร้างช่องทางร้องเรียนภายในลดความเสี่ยงทางกฎหมาย

10. ทำไมคุณควรปรึกษาทนายแรงงานก่อนตัดสินใจ

แม้คุณจะมั่นใจว่าทำถูกต้องแล้ว การมีผู้ที่เข้าใจกฎหมายแรงงานเป็นที่ปรึกษา จะช่วยคุณ

  • ป้องกันการถูกฟ้อง
  • วางแผนการจ้างงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ลดต้นทุนทางกฎหมายในระยะยาว

ต้องการความชัดเจนในกฎหมายแรงงาน?

หากคุณเป็น HR, ผู้บริหาร หรือพนักงานที่ต้องการคำปรึกษาด้านกฎหมายแรงงานอย่างเข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง

สามารถติดต่อทนายวิรัชได้ที่
📞 สายด่วน โทร 0812585681
📱 Line: @732hjgrx

วันหยุด2564 พักผ่อนประจำปี และในปีอื่นๆ ที่ลูกจ้างได้สิทธิ ตามกฎหมายแรงงาน

วันหยุด2564 พักผ่อนประจำปี และในปีอื่น เกิดสิทธิขึ้นเมื่อใด ตามกฎหมายแรงงาน [กดชมคลิป หากไม่ชอบอ่าน]

วันหยุด2564 พักผ่อนประจำปี ในประเทศไทยมีกฎหมายแรงงาน ที่เกี่ยวข้องกับ สิทธิในวันหยุดพักผ่อนประจำปีของทุกปี และรวมถึงวันหยุด2564 ด้วยนั้น กฎหมายแรงงาน ได้วางหลักไว้ใน กฎหมายคุ้มครองแรงงาน หรือที่เรียกว่า พระราชบัญญัติ คุ้มครอง แรงงาน ปี พ.ศ. 2541 ในมาตรา 30 ได้วางหลักไว้ว่า…

ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 6 วันทำงาน โดยนายจ้างเป็นผู้กำหนดวันหยุดให้แก่ลูกจ้างล่วงหน้าหรือกำหนดให้ตามนายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน…”

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ปี พ.ศ. 2541

เข้าใจง่าย ๆ กฎหมายแรงงาน คือ กฎหมายที่คุ้มครองสวัสดิภาพของลูกจ้าง เมื่อลูกจ้าง ทำงานต่อเนื่องครบ 1 ปี ได้พักผ่อนประจำปีซึ่งถือวันหยุด2564 และในปีอื่นๆ ด้วย

กดสมัคร หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้

ต้องทำงานอย่างไร สิทธิใน วันหยุด2564พักผ่อนประจำปี หรือในปีอื่นๆ จึงเรียกว่าทำงานครบ 1 ปี

ตัวอย่างลูกจ้างที่จะได้สิทธิในวันหยุด2564 -พักผ่อนประจำปี หากลูกจ้างทำงาน เริ่ม 1 มกราคม 2564 พอถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สิทธิในวันหยุด2564-พักผ่อนประจำปี ก็เกิดขึ้นทันทีตามกฎหมายแรงงาน

วันหยุด2564พักผ่อนประจำปี ผู้ใดจะเป็นคนอนุญาตตามกฎหมาย

ในมาตรา 30 เขียนไว้ชัดว่า นายจ้างเป็นผู้กำหนดวันหยุดให้แก่ลูกจ้างล่วงหน้าหรือกำหนดให้ตามนายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน นั้นหมายความ เมื่อมีสิทธิ วันหยุด2564 -พักผ่อนประจำปี แล้ว นายจ้างจะเป็นคนกำหนดวันหยุดแก่ลูกจ้าง โดยกำหนดเป็นการล่วงหน้า หรืออีกกรณีคือ นายจ้างและลูกจ้างตกลงร่วมกัน

วันหยุด2564พักผ่อนประจำปี สิทธิที่จะได้รับมีทั้งหมดกี่วัน

ในมาตรา 30 กฎหมายกำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 6 วัน ดังนั้นนายจ้าง จะไปกำหนด วันหยุด2564 พักผ่อนประจำปี น้อยกว่า 6 วันไม่ได้ แต่หากกำหนดไว้มากกว่า เช่น 10 วัน อย่างนี้ทำได้ และกฎหมายแรงงานก็อนุญาตถือว่าดีกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้

กดสมัคร หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
วันหยุด2564พักผ่อนประจำปี และในปีถัดมา นายจ้างกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปี มากกว่า 6 วันได้หรือไม่

นายจ้างสามารถกำหนดวันหยุด2564พักผ่อนประจำปีมากกว่าได้ และไม่จำเป็นต้องทำงานครบ 1 ปี นายจ้างจะกำหนดให้หรือตกลงร่วมกันกับลูกจ้างได้

อย่างไรก็ดี หากกฎหมายแรงงานยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง วันหยุด2564 พักผ่อนประจำปี หรือวันหยุดในปีใดใดก็ตาม ลูกจ้างก็จะได้รับสิทธิหยุด 6 วัน ทำการ หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับนายจ้าง แต่ขั้นต่ำ คือ 6 วัน

ชมคลิป ฟังสบาย สบาย

ผู้เขียน