เข้าใจกฎหมายภาษีไทย ฉบับเข้าใจง่าย สำหรับเจ้าของกิจการและคนทำงานยุคใหม่

ในยุคที่ธุรกิจและการเงินเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว กฎหมายภาษีคือสิ่งที่ทุกคนควรเข้าใจ — ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการ พนักงาน หรือบุคคลทั่วไป เพราะ “ภาษี” คือหน้าที่ทางกฎหมายที่ทุกคนต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง หากละเลยหรือเข้าใจผิด อาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจ หลักกฎหมายภาษีของไทย แบบเป็นขั้นตอน พร้อมแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง เหมาะกับคนที่ต้องการวางแผนทางภาษีอย่างมืออาชีพ


🔹 1. ความหมายของกฎหมายภาษีและเหตุผลที่ต้องมี

กฎหมายภาษี (Tax Law) คือกฎหมายที่กำหนดให้บุคคลหรือองค์กรต้องเสียภาษีตามรายได้ กำไร หรือมูลค่าของสินค้าและบริการ เพื่อให้รัฐมีรายได้มาบริหารประเทศ เช่น สร้างถนน โรงพยาบาล โรงเรียน และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ

เหตุผลสำคัญที่ต้องมีกฎหมายภาษี ได้แก่:

  1. เพื่อจัดเก็บรายได้ให้รัฐนำไปพัฒนาประเทศ
  2. เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ
  3. เพื่อควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การเก็งกำไรหรือการนำเข้าสินค้า
  4. เพื่อเป็นเครื่องมือกระตุ้นหรือชะลอเศรษฐกิจในบางช่วงเวลา

🔹 2. ประเภทของภาษีในประเทศไทย

ประเทศไทยมีภาษีหลัก ๆ 2 ประเภท คือ

1. ภาษีทางตรง (Direct Tax)

คือภาษีที่ผู้มีรายได้ต้องชำระโดยตรงกับกรมสรรพากร ตัวอย่างเช่น

  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax)
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax)

2. ภาษีทางอ้อม (Indirect Tax)

คือภาษีที่เก็บจากการบริโภคสินค้าและบริการ เช่น

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  • ภาษีสรรพสามิต (Excise Tax)
  • ภาษีศุลกากร (Import/Export Duties)

🔹 3. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax)

📘 ใครต้องเสียภาษี

บุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มีรายได้จากแหล่งในประเทศไทย

💰 ประเภทของรายได้ที่ต้องเสียภาษี (ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร)

  1. เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส
  2. ค่าจ้างอิสระ เช่น ที่ปรึกษา ทนาย สถาปนิก นักบัญชี
  3. ค่าลิขสิทธิ์ ดอกเบี้ย เงินปันผล
  4. ค่าเช่าทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน อาคาร
  5. กำไรจากการขายทรัพย์สินหรือหุ้น

🧮 อัตราภาษีแบบขั้นบันได (ปีภาษี 2567 เป็นต้นไป)

รายได้สุทธิ (บาท/ปี)อัตราภาษี
0 – 150,000ยกเว้น
150,001 – 300,0005%
300,001 – 500,00010%
500,001 – 750,00015%
750,001 – 1,000,00020%
1,000,001 – 2,000,00025%
2,000,001 – 5,000,00030%
มากกว่า 5,000,00035%

📅 กำหนดการยื่นแบบ

  • ยื่นภาษีบุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90 / ภ.ง.ด.91): ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี

🔹 4. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax)

🏢 ใครต้องเสีย

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย และมีรายได้จากกิจการภายในประเทศ

💼 อัตราภาษี

  • นิติบุคคลทั่วไป: 20% ของกำไรสุทธิ
  • ธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs): อาจได้รับลดหย่อนอัตราภาษีตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร

🧾 การยื่นแบบ

  • ครึ่งปี: ภ.ง.ด.51 ภายใน 2 เดือนหลังจากรอบบัญชี 6 เดือน
  • สิ้นปี: ภ.ง.ด.50 ภายใน 150 วันหลังสิ้นรอบบัญชี

🔹 5. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

🛒 คืออะไร

ภาษีที่เรียกเก็บจากมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการในทุกขั้นตอนการผลิตและจำหน่าย

💡 ใครบ้างที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • ผู้ประกอบการที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี

📑 อัตราภาษี

  • อัตราทั่วไป: 7% (ชั่วคราวต่อเนื่องตามนโยบายรัฐ)
  • บางกิจการได้รับการยกเว้น เช่น การศึกษา การแพทย์ หรือเกษตรกรรมบางประเภท

🔹 6. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax)

คือภาษีที่ผู้จ่ายเงินต้องหักไว้บางส่วนก่อนจ่ายให้ผู้รับ เช่น

  • จ้างงาน 10,000 บาท หักภาษี ณ ที่จ่าย 3% → ผู้รับได้เงิน 9,700 บาท
  • ผู้จ่ายต้องนำส่งกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป

อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายทั่วไป:

  • ค่าจ้างบริการ 3%
  • ค่าเช่า 5%
  • ดอกเบี้ย 1%

🔹 7. ภาษีอื่น ๆ ที่ควรรู้

  1. ภาษีธุรกิจเฉพาะ เช่น ธนาคาร หรือกิจการสินเชื่อ
  2. ภาษีป้าย สำหรับผู้ติดตั้งป้ายโฆษณา
  3. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สำหรับผู้ถือครองทรัพย์สิน
  4. ภาษีมรดกและภาษีการให้ สำหรับการโอนทรัพย์สินโดยไม่มีค่าตอบแทน

🔹 8. สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ควรรู้

รัฐมีมาตรการส่งเสริมหลายอย่างเพื่อช่วยลดภาระภาษี เช่น

  • ลดหย่อนค่าครองชีพ ค่าประกันชีวิต ค่าบุตร ค่าพ่อแม่
  • หักค่าใช้จ่ายจากการบริจาค
  • มาตรการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI
  • การยื่นแบบออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing เพื่อความสะดวก

🔹 9. ความผิดทางภาษีและโทษตามกฎหมาย

การละเลยหรือจงใจหลีกเลี่ยงภาษีมีผลทางกฎหมายร้ายแรง เช่น

การกระทำผิดโทษที่อาจได้รับ
ไม่ยื่นแบบภาษีปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ยื่นภาษีเกินกำหนดเสียเบี้ยปรับ 1.5% ต่อเดือน
ยื่นข้อมูลเท็จจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เจตนาหลีกเลี่ยงภาษีถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังพร้อมเบี้ยปรับสูงสุด 100% ของยอดที่ขาด

🔹 10. แนวทางวางแผนภาษีอย่างถูกกฎหมาย

การวางแผนภาษี (Tax Planning) ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงภาษี แต่เป็นการบริหารรายได้และค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับกฎหมาย เช่น

  1. จัดทำบัญชีให้ถูกต้องตามหลักบัญชี
  2. ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้ครบถ้วน
  3. เก็บเอกสารหลักฐานทุกใบเสร็จ
  4. ปรึกษาทนายหรือที่ปรึกษาภาษีเพื่อวางแผนล่วงหน้า

🔹 11. ตัวอย่างกรณีจริง: เจ้าของธุรกิจถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง

เจ้าของกิจการรายหนึ่งไม่ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ครึ่งปี และไม่จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายตามจริง เมื่อกรมสรรพากรตรวจสอบย้อนหลัง พบว่ามีรายได้มากกว่าที่แจ้งไว้ ส่งผลให้ถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังพร้อมเบี้ยปรับรวมกว่า 500,000 บาท

บทเรียนสำคัญ:

  • จัดทำบัญชีให้ตรงกับรายได้จริง
  • ยื่นภาษีตรงเวลา
  • ปรึกษาผู้รู้ทางกฎหมายภาษีตั้งแต่ต้น

🔹 12. ภาษีกับธุรกิจออนไลน์และผู้มีรายได้จากต่างประเทศ

ยุคดิจิทัลทำให้รายได้รูปแบบใหม่เกิดขึ้น เช่น

  • รายได้จาก YouTube / TikTok
  • การขายสินค้าออนไลน์
  • การรับงานต่างประเทศ

กรมสรรพากรได้ปรับปรุงกฎหมายให้ครอบคลุมรายได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกประเภท ผู้มีรายได้ต้อง ยื่นภาษีเหมือนรายได้ทั่วไป โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายตามจริงหรือเหมาตามประเภทอาชีพได้


🔹 13. ความเปลี่ยนแปลงล่าสุดในกฎหมายภาษีไทย (ปี 2567–2568)

  • การปรับระบบ e-Tax Invoice / e-Receipt ให้ใช้ทั่วประเทศ
  • การเชื่อมข้อมูลภาษีกับธนาคาร
  • การขยายสิทธิลดหย่อนดิจิทัลสำหรับ SMEs
  • การปรับปรุงอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

🔹 14. สรุป: เข้าใจกฎหมายภาษี = ป้องกันปัญหาและสร้างโอกาส

การเข้าใจกฎหมายภาษีไม่ได้มีไว้แค่ “ยื่นให้ครบ” แต่คือเครื่องมือในการวางแผนการเงิน การบริหารธุรกิจ และการปกป้องสิทธิ์ของตนเอง การทำให้ถูกตั้งแต่ต้นจะช่วยลดความเสี่ยง ถูกตรวจสอบย้อนหลัง และสร้างความมั่นใจให้กับกิจการในระยะยาว


📞 สนใจปรึกษากฎหมายภาษี

หากคุณต้องการคำแนะนำด้านภาษี การยื่นแบบ การวางแผน หรือมีข้อสงสัยทางกฎหมาย

สามารถติดต่อทนายวิรัชได้ที่:
📞 สายด่วน โทร 081-258-5681
📱 Line: @732hjgrx

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *